‘ไบเดน’ ลงนาม คว่ำบาตรรัสเซีย หลังพบมีการแฮ็คข้อมูล

‘ไบเดน’ ลงนาม คว่ำบาตรรัสเซีย หลังพบมีการแฮ็คข้อมูล

ไบเดน เซ็นคำสั่งพิเศษลงนาม คว่ำบาตรรัสเซีย พร้อมขับไล่นักการทูตออกจากประเทศ เพื่อตอบโต้การโจมตีทางไซเบอร์ เมื่อวันที่ 16 เมษายน สำนักข่าว อัลจาซีรา รายงานว่านาย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกมาลงนามคำสั่งพิเศษคว่ำบาตรประเทศ รัสเซีย พร้อมขับไล่นักการทูตรัสเซีย 10 คนออกจากประเทศ เพื่อเป็นการตอบโต้ข้อกล่าวหาที่ระบุว่า รัสเซียได้ทำการแทรกแซงและแฮ็คข้อมูลของทางการสหรัฐฯ หรือเหตุการณ์ที่เรียกว่า ‘โซลาร์วิน’ รวมไปถึงช่วงการเลือกตั้งชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีอีกด้วย

คำสั่งพิเศษดังกล่าว จะเพิ่มข้อจำกัดของธนาคารสหรัฐฯ 

ในเรื่องการซื้อขายตราสารหนี้ของรัฐบาลรัสเซีย, ขับไล่นักการทูตรัสเซีย 10 คน รวมถึงบางรายที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสายลับ และ คว่ำบาตรเจ้าหน้าที่รัสเซีย 32 คน

โดยนาย ไบเดน ระบุว่าเขาได้ทำการเตือนนาย วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธินดีรัสเซียผ่านทางโทรศัพท์แล้ว เมื่อช่วงวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งนายไบเดนได้ระบุอีกว่า เขาได้เตือนผู้นำรัสเซียอีกว่า ทางการสหรัฐฯสามารถเพิ่มมาตรการความเข้มงวดกับทางการรัสเซียได้ แต่เขาเลือกจะไม่ทำ เนื่องจากเขาไม่ได้ต้องการจะสร้างความขัดแย้งระหว่างทั้งสองชาติ และทางการสหรัฐฯมีเป้าหมายที่จะมีความสัมพันธ์ที่เสถียรและคาดเดาได้กับรัสเซีย ทั้งนี้ทางการรัสเซียได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาการแทรกแซงเลือกตั้ง และกรณีของโซลาร์วินทั้งหมด

ผู้ผลิตวัคซีน โมเดอร์นา ออกมาเปิดเผยว่า ภูมิต้านทานโควิด จากวัคซีนโมเดอร์นายังคง แม้จะฉีดวัคซีนมานานกว่า 6 เดือนแล้วก็ตาม

เมื่อวันที่ 14 เมษายน สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า บริษัท โมเดอร์นา ผู้ผลิตวัคซีนต้านโควิด ได้ออกมารายงานความคืบหน้าของภูมิต้านโควิด โดยระบุว่าทางบริษัทพบภูมิต้านทานโควิดที่มาจากบริษัทชนิดดังกล่าวยังคงมีประสิทธิภาพ แม้ฉีดวัคซีนมานานกว่า 6 เดือนแล้วก็ตาม

ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าวัคซีนชนิดนี้ยังคงมีประสิทธิภาพในการต้านโรคโควิด-90 มากกว่าร้อยละ 90 และมีภูมิต้านทานอาการโควิดรุนแรงกว่าร้อยละ 95

นอกจากนี้ทางบริษัทยังได้ออกมาเปิดเผยอีกว่าพวกเขากำลังเร่งพัฒนาวัคซีนชนิดใหม่ซึ่งจะมุ่งเน้นในการป้องกันโควิดกลายพันธุ์ชนิด B.1.351 ที่ถูกพบครั้งแรกในประเทศแอฟริกาใต้

ขณะนี้วัคซีนโมเดอร์นาได้รับการอนุมัติใช้ทั่วโลกกว่า 40 ประเทศ และได้ทำการแจกจ่ายวัคซีนชนิดนี้แล้วทั่วโลกกว่า 132 ล้านโดส ในจำนวนดังกล่าวเป็นการนำส่งประเทศสหรัฐอเมริกา 117 ล้านโดส

สหรัฐฯ แนะหยุดฉีด จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน หลังเจอลิ่มเลือดอุดตัน

ทางการสหรัฐฯ แนะนำให้หยุดฉีดวัคซีน จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน วัคซีนต้านโควิด หลังพบอาการลิ่มเลือดอุดตัน แล้ว 6 ราย

เมื่อวันที่ 13 เมษายน สำนักข่าว อัลจาซีร่า ได้ออกมารายงานว่า คณะกรรมการอาหารและยา (FDA) และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ได้ออกมาแนะนำให้มีการหยุดฉีดวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน วัคซีนต้านโควิด หลังเจอผู้ได้รับวัคซีนเกิดอาการลิ่มเลือดอุดตัน

ทางการสหรัฐฯระบุว่าพวกเขากำลังทำการสอบสวน หลังจากที่ผู้หญิงจำนวนหกคนเกิดอาการดังกล่าว หลังได้รับวัคซีนชนิดนี้ราวๆ 2-3 วัน ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมีผู้เสียชีวิต 1 ศพ และมีอาการสาหัสอีก 1 ราย

โดยสถานที่ฉีดวัคซีนโควิดที่ถูกจัดขึ้นโดยทางการสหรัฐฯจะทำการหยุดฉีดวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันชั่วคราว  ทั้งนี้ทางการย้ำว่าการประกาศครั้งนี้เป็นการแนะนำ ไม่ใช่ข้อบังคับ สำหรับการฉีดวัคซีนระดับท้องถิ่น

ทางการสหรัฐฯจะเข้าทำการหารือเพิ่มเติมถึงวัคซีนชนิดดังกล่าวในวันพุธนี้ ด้านบริษัทผู้ผลิตกล่าวว่าพวกเขาทราบถึงอาการลิ่มเลือดอุดตัน แต่ไม่พบความเกี่ยวข้องกับวัคซีน

ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ใช้วัคซีนจำนวนสามยี่ห้อในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 ได้แก่ ไฟเซอร์, โมเดอร์นา และ จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน โดยปัจจุบันสหรัฐฉีดวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน มากกว่า 6.8 ล้านโดส

นอกจากนี้วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันยังเป็นหนึ่งในวัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียน อย. ในประเทศไทยอีกด้วย

หลังจากที่เปิดให้เข้ารับ สิทธิ ภายในโครงการ คนละครึ่ง เฟส 5 ไปเมื่อเช้าวันนี้นั้น ในเวลานี้สิทธิดังกล่าวก็เต็มจำนวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (19 ส.ค. 2565) ในเวลานี้ สิทธิ ภายในโครงการ คนละครึ่ง เฟส 5 ได้หมดลงไปเรียบร้อยแล้ว ในจำนวนทั้งหมด 26,500,000 สิทธิ หลังจากเปิดให้ยื่นเข้ารับสิทธิเมื่อเช้าวันนี้ 

Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่า